“อยู่ไฟ” เป็นวิธีการปฏิบัติตัวของคุณแม่หลังคลอดสมัยปู่ย่าตายาย ต้องอยู่ไฟกันอย่างเคร่งครัด แต่พอเข้าสมัยลุงป้าน้าอา การอยู่ไฟดูเหมือนจะความสำคัญลงไปบ้าง ใช้ทฤษฎีแพทย์แผนปัจจุบันจากตะวันตกเข้ามามีบทบาทอย่างเต็มที่ ล่วงเลยมาถึงสมัยนี้ มีการนำของเก่า ของใหม่ มาปรับใช้ร่วมกัน
1.ดื่มน้ำสมุนไพรอุ่นๆ
อาจจะเป็นน้ำขิง น้ำตะไคร้ หรืออย่างน้อยๆ ก็ควรเป็นน้ำอุ่นๆ เพื่อช่วยให้สดชื่น และบำรุงน้ำนมแม่
2.อาบน้ำสมุนไพร
ช่วยทำความสะอาดผิวพรรณให้สะอาด รวมทั้งได้รับความสดชื่น และประโยชน์จากสมุนไพร ดังนี้ ไพล,ขมิ้นชัน,ว่านน้ำ สรรพคุณ แก้ปวดเมื่อย ฟกช้ำ เพราะระหว่างการตั้งครรภ์คุณแม่มักมีอาการปวดเมื่อยบั้นเอว ต้นขา
3. ประคบด้วยลูกประคบ
ภายในลูกประคบมีสมุนไพรที่ช่วยรักษาผิวพรรณโดยเฉพาะ ประกอบไปด้วย ไพล ตะไคร้ ขมิ้น ผิวมะกรูด ใบมะขาม เอามาบดพอหยาบๆ แล้วให้ผ้าห่อเป็นลูกประคบ ก่อนประคบก็จะนำลูกประคบไปนึ่งให้พออุ่นๆ
4. ทับหม้อเกลือ
นำหม้อเกลือมาทับบริเวณเหนือสะดือเล็กน้อย ช่วยขับน้ำคาวปลา ลดอาการแข็งเกร็งหน้าท้อง ต้องมีการใช้สมุนไพรและวิธีทับหม้อเกลือ คือ ภายในหม้อเกลือจะใส่เกลือตัวผู้ (เกลือเม็ดใหญ่) แล้วนำหม้อเกลือไปอังไฟ ให้เม็ดเกลือแตก จะกลายเป็นเกลือสะตุ (เหตุที่ใช้เกลือ เพราะเกลือเป็นตัวนำพาความร้อนได้ดี)
นำว่านชักมดลูก และว่านนางคำ (มีสรรพคุณช่วยขับน้ำคาวปลา และช่วยให้มดลูกเข้าอู่ได้เร็วขึ้น) มาหั่นหยาบๆ วางไว้บนผ้าขนหนูที่พาดไว้กับหน้าท้อง นำไปพลับพลึงวางทับ แล้วจึงนำหม้อเกลืออุ่นๆ มาวางบนใบพลับพลึง ซึ่งจะช่วยรักษาแผล ช่วยลดไขมันหน้าท้อง
5. นวดน้ำมัน และขัดผิว
นวดด้วยน้ำมันหอมระเหยอย่างดี เลือกกลิ่นที่คุณแม่ชอบ หรือกลิ่นที่เพิ่มความสดชื่น ต่อด้วยการขัดผิวโดยใช้มะขามเปียก ผสมกับน้ำผึ้ง น้ำนม ช่วยขจัดรอยดำตามผิวพรรณ ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดร่วงง่ายขึ้น
6. เข้ากระโจม อบสมุนไพร
หลักของการเข้ากระโจม เหมือนกับการอบซาวน่า คือ ต้องการให้เหงื่ออก ช่วยในการลดน้ำหนัก และยังมีไอระเหยจากสมุนไพรในหม้อต้ม คุณแม่จะได้สูดไอระเหยของสมุนไพร ทำให้หายใจสะดวก คลายเครียด รวมถึงการบำรุงผิวพรรณ ขับสารพิษทางผิวหนัง ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น ซึ่งสมุนไพรที่ใช้ในการเข้ากระโจม จะเป็นตัวเดียวกับที่ใช้ในการอาบน้ำ
หน้าที่เข้าชม | 1,426,700 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 622,176 ครั้ง |
เปิดร้าน | 7 ม.ค. 2556 |
ร้านค้าอัพเดท | 10 ก.ค. 2568 |